บทความ และความรู้เรื่องเหล็กที่ใช้ในการก่อสร้าง

ความรู้เรื่องเหล็กที่ใช้ในการก่อสร้าง
1. เหล็กเส้นกลม จะมีเส้นผ่านศุนย์กลางตั้งแต่ 6 ถึง 28 มิลลิเมตร และขนาดความยาว 10 หรือ 12 เมตร
เหมาะสำหรับงานขนาดเล็ก และขนาดกลาง มีคาร์บอน 0.28% ฟอสฟอรัส 0.058% และกำมะถัน 0.058%
2. เหล็กเส้นข้ออ้อย มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางตั้งแต่ 10 ถึง 33 มิลลิเมตร มีความยาวโดยทั่วไป 10 และ 12 เมตร
เหล็กเส้นข้ออ้อย เป็นเหล็ก ที่มีแรงยึดเกาะที่ผิวสูง เหมาะสำหรับงานคอนกรีตเสริมเหล็กที่ต้องการความแข็งแรงสูง
โดยไม่จำเป็นต้องออกแบบให้โครงสร้างใหญ่โต มีคาร์บอน 0.28% ฟอสฟอรัส 0.058% และกำมะถัน 0.058%
3. เหล็กเสริมคอนกรีตอัดแรง เป็นเหล็กเสริมคอนกรีตในการผลิตเสาเข็ม เสาไฟฟ้า คานพื้นสำเร็จรูป ท่อระบายน้ำ
คอนกรีตอัดแรง ฯลฯ มีลักษณะเป็นเหล็กแบบกลมมีรอยย้ำ ต้องมีรอยย้ำ 2 แถวอยู่ตรงข้ามกันและรอยย้ำ
ของแถวหนึ่งต้องเหลื่อมกับอีกแถวหนึ่งถ้าเป็นเหล็กแบบ กลม เกลี้ยง ต้องมีผิวทั้งหมดเรียบเกลี้ยง ไม่มีรอยปริ
หรือแตกร้าว หรือเป็นปีกต้องเป็นเส้นเดียวกัน ไม่มีการต่อหรือเชื่อมหากมีขึ้นในระหว่าง กระบวนการ ผลิตต้อง
ตัดทิ้งให้หมด ผิวเหล็กต้องปราศจากคราบน้ำมันหรือสารอื่นใดที่จะมีผลทำให้แรงยึดระหว่างคอนกรีตกับเหล็ก
เสียไปเหล็กต้อง ไม่เป็นสนิมขุม เว้นแต่สนิมผิวซึ่งยอมให้มีได้การตัดเหล็กให้ใช้หินเจียระไนหรือกรรไกรตัดเหล็ก
ห้ามใช้ก๊าซดัดเพราะว่าความร้อนจากก๊าซตัดจะทำให้ คุณสมบัติของเหล็กต่ำลง เหล็กเสริมคอนกรีตอัดแรงมี
คาร์บอน 0.60 ถึง 0.90% ซิลิคอน 0.10 ถึง 0.35% แมงกานีส 0.40 ถึง 0.90%ฟอสฟอรัส ไม่เกิน 0.50%
กำมะถันไม่เกิน 0.05% เหล็กมี 2 ชนิด ได้แก่ ชนิดเส้นเดียว มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 4,5,7,9 มิลลิเมตร
และชนิดตีเกลียวมีเส้นผ่าน ศูนย์กลาง 3/8 นิ้ว และ 0.05 นิ้ว
4. เหล็กลวด มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 5.5 ถึง 8 มิลลิเมตร เหล็กลวดนี้ใช้สำหรับทำตะปู ลวดอาบสังกะสี ตาข่าย
บุญธรรม ภัทราจารุกุล
เรียบเรียงจาก : หนังสือวัสดุช่าง หน้าที่270
..................................................................................................................................................
นวัตกรรมในงานก่อสร้างในไต้หวัน
เมื่อ โลกยังคงหมุน มนุษย์ได้ใช้พรสวรรค์ และสติปัญญาในการมองและแก้ปัญหาอยู่ตลอดเวลา มีผู้กล่าวว่า
วิศวกรรมโยธาจัดเป็นวิศวกรรมสาขาที่เก่าแก่ ที่สุดสาขาหนึ่ง ที่พัฒนามาคู่กับมนุษย์ เพื่อรองรับความต้องการ
และชีวิตที่สะดวกสบายมากขึ้น อย่างไรก็ตาม งานวิศวกรรมโยธาก็ยังคงมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องโดยตลอด
นอกจากจะคำนึงถึงสิ่งอำนวยประโยชน์แล้ว ยังคำนึงถึง “behind the scene” ที่วิศวกรได้ใช้ความรู้ ความคิด
แก้ปัญหาใหม่ ๆ ที่ต้องเผชิญ…. ปัญหาที่ลึกซึ้งกว่าที่เคยเป็นจากข้อจำกัดทางทรัพยากรต่าง ๆ และเพื่อใช้
การทำงานให้เกิดประโยชน์สูงสุด
1. เหล็กเส้นกลม จะมีเส้นผ่านศุนย์กลางตั้งแต่ 6 ถึง 28 มิลลิเมตร และขนาดความยาว 10 หรือ 12 เมตร
เหมาะสำหรับงานขนาดเล็ก และขนาดกลาง มีคาร์บอน 0.28% ฟอสฟอรัส 0.058% และกำมะถัน 0.058%
2. เหล็กเส้นข้ออ้อย มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางตั้งแต่ 10 ถึง 33 มิลลิเมตร มีความยาวโดยทั่วไป 10 และ 12 เมตร
เหล็กเส้นข้ออ้อย เป็นเหล็ก ที่มีแรงยึดเกาะที่ผิวสูง เหมาะสำหรับงานคอนกรีตเสริมเหล็กที่ต้องการความแข็งแรงสูง
โดยไม่จำเป็นต้องออกแบบให้โครงสร้างใหญ่โต มีคาร์บอน 0.28% ฟอสฟอรัส 0.058% และกำมะถัน 0.058%
3. เหล็กเสริมคอนกรีตอัดแรง เป็นเหล็กเสริมคอนกรีตในการผลิตเสาเข็ม เสาไฟฟ้า คานพื้นสำเร็จรูป ท่อระบายน้ำ
คอนกรีตอัดแรง ฯลฯ มีลักษณะเป็นเหล็กแบบกลมมีรอยย้ำ ต้องมีรอยย้ำ 2 แถวอยู่ตรงข้ามกันและรอยย้ำ
ของแถวหนึ่งต้องเหลื่อมกับอีกแถวหนึ่งถ้าเป็นเหล็กแบบ กลม เกลี้ยง ต้องมีผิวทั้งหมดเรียบเกลี้ยง ไม่มีรอยปริ
หรือแตกร้าว หรือเป็นปีกต้องเป็นเส้นเดียวกัน ไม่มีการต่อหรือเชื่อมหากมีขึ้นในระหว่าง กระบวนการ ผลิตต้อง
ตัดทิ้งให้หมด ผิวเหล็กต้องปราศจากคราบน้ำมันหรือสารอื่นใดที่จะมีผลทำให้แรงยึดระหว่างคอนกรีตกับเหล็ก
เสียไปเหล็กต้อง ไม่เป็นสนิมขุม เว้นแต่สนิมผิวซึ่งยอมให้มีได้การตัดเหล็กให้ใช้หินเจียระไนหรือกรรไกรตัดเหล็ก
ห้ามใช้ก๊าซดัดเพราะว่าความร้อนจากก๊าซตัดจะทำให้ คุณสมบัติของเหล็กต่ำลง เหล็กเสริมคอนกรีตอัดแรงมี
คาร์บอน 0.60 ถึง 0.90% ซิลิคอน 0.10 ถึง 0.35% แมงกานีส 0.40 ถึง 0.90%ฟอสฟอรัส ไม่เกิน 0.50%
กำมะถันไม่เกิน 0.05% เหล็กมี 2 ชนิด ได้แก่ ชนิดเส้นเดียว มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 4,5,7,9 มิลลิเมตร
และชนิดตีเกลียวมีเส้นผ่าน ศูนย์กลาง 3/8 นิ้ว และ 0.05 นิ้ว
4. เหล็กลวด มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 5.5 ถึง 8 มิลลิเมตร เหล็กลวดนี้ใช้สำหรับทำตะปู ลวดอาบสังกะสี ตาข่าย
บุญธรรม ภัทราจารุกุล
เรียบเรียงจาก : หนังสือวัสดุช่าง หน้าที่270
..................................................................................................................................................
นวัตกรรมในงานก่อสร้างในไต้หวัน
เมื่อ โลกยังคงหมุน มนุษย์ได้ใช้พรสวรรค์ และสติปัญญาในการมองและแก้ปัญหาอยู่ตลอดเวลา มีผู้กล่าวว่า
วิศวกรรมโยธาจัดเป็นวิศวกรรมสาขาที่เก่าแก่ ที่สุดสาขาหนึ่ง ที่พัฒนามาคู่กับมนุษย์ เพื่อรองรับความต้องการ
และชีวิตที่สะดวกสบายมากขึ้น อย่างไรก็ตาม งานวิศวกรรมโยธาก็ยังคงมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องโดยตลอด
นอกจากจะคำนึงถึงสิ่งอำนวยประโยชน์แล้ว ยังคำนึงถึง “behind the scene” ที่วิศวกรได้ใช้ความรู้ ความคิด
แก้ปัญหาใหม่ ๆ ที่ต้องเผชิญ…. ปัญหาที่ลึกซึ้งกว่าที่เคยเป็นจากข้อจำกัดทางทรัพยากรต่าง ๆ และเพื่อใช้
การทำงานให้เกิดประโยชน์สูงสุด
รายงานฉบับนี้เก็บความมาจาก “Design and Construction Innovations for Reinforced Concrete Structures”
โดย Dr. Samuel Yin ประธานคณะกรรมการบริษัท Ruentex Group และเป็นศาสตราจารย์แห่งภาควิชาวิศวกรรม
โยธา มหาวิทยาลัยแห่งชาติไต้หวัน (National Taiwan University) ในไทเป ซึ่งได้นำเสนอเป็นบทความรับเชิญ
ในการประชุม Asian Concrete Federation ครั้งที่ 3 ที่ เมือง โฮจิมินซิตี้ ประเทศเวียดนาม (P.77-92)
ในระหว่างวันที่ 11-13 พฤศจิกายน 2551
โดย Dr. Samuel Yin ประธานคณะกรรมการบริษัท Ruentex Group และเป็นศาสตราจารย์แห่งภาควิชาวิศวกรรม
โยธา มหาวิทยาลัยแห่งชาติไต้หวัน (National Taiwan University) ในไทเป ซึ่งได้นำเสนอเป็นบทความรับเชิญ
ในการประชุม Asian Concrete Federation ครั้งที่ 3 ที่ เมือง โฮจิมินซิตี้ ประเทศเวียดนาม (P.77-92)
ในระหว่างวันที่ 11-13 พฤศจิกายน 2551
เนื้อหา รายงานฉบับนี้กล่าวถึง นวัตกรรมใหม่ ๆ ในงานก่อสร้างของประเทศใต้หวัน โดยเน้นการออกแบบและ
ก่อสร้าง งานชิ้นส่วนสำเร็จรูป โดยเฉพาะการใช้ระบบอัตโนมัติ ในกระบวนการผลิตผลิตภัณฑ์คอนกรีตชิ้นส่วน
สำเร็จรูป ในระดับอุตสาหกรรมโดยรายงานพิเศษฉบับนี้จะตัดความมาเฉพาะนวัตกรรม การใช้เหล็กปลอก
หลายวงรอบ สำหรับเสา เปรียบเทียบกับวิธีที่ใช้กันตามปกติ ทั้งในด้านเทคนิคและราคา โดยกระบวนการดังกล่าว
ให้ผลดีในด้านการเพิ่มความเหนียว การต้านทานแรงจากแผ่นดินไหวและกำลังรับแรงในแนวแกน นอกเหนือไป
จากการลดราคาในด้านแรงงาน และระยะเวลาการก่อสร้างที่สั้นลง นอกจากนั้นการพัฒนาระบบอัตโนมัติใน
งานชิ้นส่วนสำเร็จรูปยังเป็นผลดีต่อ คุณภาพงานที่ดี และสม่ำเสมอ รวมถึงประสิทธิภาพในการก่อสร้าง
โครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็กอีกด้วย
ก่อสร้าง งานชิ้นส่วนสำเร็จรูป โดยเฉพาะการใช้ระบบอัตโนมัติ ในกระบวนการผลิตผลิตภัณฑ์คอนกรีตชิ้นส่วน
สำเร็จรูป ในระดับอุตสาหกรรมโดยรายงานพิเศษฉบับนี้จะตัดความมาเฉพาะนวัตกรรม การใช้เหล็กปลอก
หลายวงรอบ สำหรับเสา เปรียบเทียบกับวิธีที่ใช้กันตามปกติ ทั้งในด้านเทคนิคและราคา โดยกระบวนการดังกล่าว
ให้ผลดีในด้านการเพิ่มความเหนียว การต้านทานแรงจากแผ่นดินไหวและกำลังรับแรงในแนวแกน นอกเหนือไป
จากการลดราคาในด้านแรงงาน และระยะเวลาการก่อสร้างที่สั้นลง นอกจากนั้นการพัฒนาระบบอัตโนมัติใน
งานชิ้นส่วนสำเร็จรูปยังเป็นผลดีต่อ คุณภาพงานที่ดี และสม่ำเสมอ รวมถึงประสิทธิภาพในการก่อสร้าง
โครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็กอีกด้วย
การ ประยุกต์ใช้เทคโนโลยีชิ้นส่วนคอนกรีตสำเร็จรูปในไต้หวัน นับถอยหลังไปที่ประมาณช่วงปี คศ. 1970
ซึ่งมีการใช้ชิ้นส่วนสำเร็จรูปสำหรับงานก่อสร้างบ้านพักอาศัย จำนวนมากตามนโยบายของรัฐบาลในขณะนั้น
อย่างไรก็ดีคุณภาพของงานชิ้นส่วนสำเร็จรูปเหล่านั้นอาจไม่ดีนักเนื่องจากการ พัฒนาเทคโนโลยียังอยู่ในขั้นเริ่มต้น
ทำให้จำนวนโครงการก่อสร้างที่ใช้ชิ้นส่วนสำเร็จรูป ลดลงอย่างรวดเร็ว และเกือบหยุดนิ่งมาจนถึงปี คศ.1995
ที่บริษัท Runhorn Pretech Engineeringได้นำเทคโนโลยีขั้นสูงในงานชิ้นส่วนสำเร็จรูป จากยุโรปและญี่ปุ่น
มาประยุกต์ใช้และพัฒนาต่อ
ซึ่งมีการใช้ชิ้นส่วนสำเร็จรูปสำหรับงานก่อสร้างบ้านพักอาศัย จำนวนมากตามนโยบายของรัฐบาลในขณะนั้น
อย่างไรก็ดีคุณภาพของงานชิ้นส่วนสำเร็จรูปเหล่านั้นอาจไม่ดีนักเนื่องจากการ พัฒนาเทคโนโลยียังอยู่ในขั้นเริ่มต้น
ทำให้จำนวนโครงการก่อสร้างที่ใช้ชิ้นส่วนสำเร็จรูป ลดลงอย่างรวดเร็ว และเกือบหยุดนิ่งมาจนถึงปี คศ.1995
ที่บริษัท Runhorn Pretech Engineeringได้นำเทคโนโลยีขั้นสูงในงานชิ้นส่วนสำเร็จรูป จากยุโรปและญี่ปุ่น
มาประยุกต์ใช้และพัฒนาต่อ
ใน ช่วงแรกอุตสาหกรรมนี้พบกับอุปสรรคนานัปประการทั้งจากทัศนคติของสาธารณชนต่อการใช้ชิ้นส่วน
สำเร็จรูปที่ไม่ดีนัก รวมถึงความยุ่งยากในการกลั่นกรองเทคโนโลยีใหม่ ๆ ให้เป็นรูปธรรมและความด้อยประสบการณ์
ของบริษัทก่อสร้างท้องถิ่นในการทำงาน และการพัฒนาต่อยอดเทคโนโลยีเหล่านี้ อย่างไรก็ดี อุปสรรคเหล่านี้
ได้รับการแก้ไขและผ่านพ้นไปด้วยดีหลังจากยุคการเริ่มฟื้นฟู ประมาณ 2-3 ปี แรก โดยเริ่มมีการวิจัยและ
การออกแบบก่อสร้างที่สอดคล้องกับชิ้นส่วนสำเร็จรูปมาก ขึ้นประกอบกับปัญหาความขาดแคลนแรงงานก่อสร้าง
และความผันแปรในด้านคุณภาพของงานก่อสร้างตามวิธีปกติ ทำให้การก่อสร้างที่ใช้ชิ้นส่วนสำเร็จรูปได้รับความนิยม
มากขึ้น โดยขยายตลาดไปสู่งานก่อสร้างศูนย์การค้า โรงงานที่ใช้เทคโนโลยีสูงๆ อาคารสำนักงาน
นอกเหนือไปจากโครงการบ้านพักอาศัยทั่วไป
สำเร็จรูปที่ไม่ดีนัก รวมถึงความยุ่งยากในการกลั่นกรองเทคโนโลยีใหม่ ๆ ให้เป็นรูปธรรมและความด้อยประสบการณ์
ของบริษัทก่อสร้างท้องถิ่นในการทำงาน และการพัฒนาต่อยอดเทคโนโลยีเหล่านี้ อย่างไรก็ดี อุปสรรคเหล่านี้
ได้รับการแก้ไขและผ่านพ้นไปด้วยดีหลังจากยุคการเริ่มฟื้นฟู ประมาณ 2-3 ปี แรก โดยเริ่มมีการวิจัยและ
การออกแบบก่อสร้างที่สอดคล้องกับชิ้นส่วนสำเร็จรูปมาก ขึ้นประกอบกับปัญหาความขาดแคลนแรงงานก่อสร้าง
และความผันแปรในด้านคุณภาพของงานก่อสร้างตามวิธีปกติ ทำให้การก่อสร้างที่ใช้ชิ้นส่วนสำเร็จรูปได้รับความนิยม
มากขึ้น โดยขยายตลาดไปสู่งานก่อสร้างศูนย์การค้า โรงงานที่ใช้เทคโนโลยีสูงๆ อาคารสำนักงาน
นอกเหนือไปจากโครงการบ้านพักอาศัยทั่วไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น